สร้างปัญญาให้แก่จิต
ปัญญาจึงเป็นหน้าที่ของเราจะสร้างขึ้นให้แก่จิตเอง เมื่อจิตมีปัญญาและปัญญามีในจิต ความสว่างของปัญญามีอยู่ที่จิตเต็มที่แล้วก็กำจัดความมืดบอดของจิตได้อย่างรวดเร็ว ความสว่างของปัญญานั้นเป็นแสงสะท้อนเข้ามาสู่จิต เพื่อให้จิตได้รู้เห็นตามความเป็นจริง ความเป็นจริงในสัจธรรมเป็นอย่างไร จิตก็จะรู้เห็นได้อย่างทั่วถึง รู้เห็นทุกข์เป็นทุกข์ และรู้เห็นเหตุให้เกิดทุกข์คือตัณหาได้อย่างชัดเจน และรู้เห็นในสรรพสังขารทั้งหลายว่าไม่เที่ยงตามความเป็นจริง และรู้เห็นว่าร่างกายนี้ไม่มีตัวตน รู้เห็นเป็นสภาพธาตุ ๔ มีดิน น้ำ ลม ไฟ ที่รวมกันอยู่เป็นรูปเท่านั้น
เมื่อจิตถอดจากร่างไปแล้ว ธาตุทั้งสี่ก็ตั้งอยู่เป็นรูปไม่ได้ มีแต่จะแตกสลายจากกันไปตามธาตุเดิมเท่านั้น เมื่อจิตรู้เห็นชัดอย่างนี้ ความยึดถือของจิตที่เคยยึดถือว่าร่างกายนี้เป็นตนเป็นเรา ก็จะถอนออกมาทันที เมื่อจิตถอนออกมาจากการยึดถือว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เราจริงแล้วก็ชื่อว่าความเห็นของจิตเป็นความรู้เห็นที่ถูกต้อง เมื่อจิตมารู้เห็นและถอนออกจากการยึดถือในตนได้แล้ว จิตก็จะถอนออกจากการยึดถือสิ่งภายนอกทั้งหมด
จะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เป็นของของเรา ทุกอย่างก็เป็นเพียงธาตุที่อาศัยเท่านั้น เมื่อธาตุทั้งหลายแตกสลายไป ก็ไม่มีความเดือดร้อน และไม่มีความทุกข์ภายในจิตแม้แต่น้อย นี้ก็เพราะจิตมีปัญญาที่รู้รอบแล้ว ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะปิดบังอำพราง จึงเป็น ญาณทสฺสนํ เป็นความรู้ที่สว่างอย่างทั่วถึง ญาณทัสสนะนี้เป็นความรู้เห็นที่เป็นจริงในสัจธรรม เป็นความรู้ที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของจิต ถึงจะอยู่อย่างไร อยู่ที่ไหน ในอิริยาบทใด ญาณรู้ภายในจิตก็จะรู้รอบจิตอยู่ตอดเวลา หรืออาจจะกำหนดจิตทำสมาธิให้จิตได้รวมเป็นเอกจิต เอกธรรม ก็รวมลงได้ง่าย
Posted on 26/03/2009, in ทวนกระแสโลกพบกระแสธรรม. Bookmark the permalink. ใส่ความเห็น.
ใส่ความเห็น
Comments 0